สาเหตุที่มักทำให้แมวและสุนัขได้รับยาโรคหัวใจไม่สม่ำเสมอ
1) วิธีการป้อนยาโรคหัวใจไม่เหมาะสม
ยาโรคหัวใจมักมีลักษณะเป็นเม็ด เจ้าของบางท่านอาจป้อนไม่เป็น ป้อนไม่ลึก ทำให้สัตว์เลี้ยงขย้อนเอาเม็ดยาออกมาได้ และยาบางชนิด เมื่อโดนน้ำลายแล้ว น้ำลายจะทำให้เม็ดยาเปื่อยยุ่ยและแตกเป็นเศษเล็ก หากป้อนเม็ดที่เปื่อยยุ่ยนั้นซ้ำไปอีก สัตว์เลี้ยงก็อาจได้รับยาไม่ครบ ดังนั้นเจ้าของควรขอคำปรึกษาเรื่องเทคนิคการป้อนยาจากสัตวแพทย์และผู้ช่วย
2) กลัวโดนสัตว์เลี้ยงกัด จึงไม่กล้าป้อนยาโรคหัวใจ
สัตว์ป่วยโรคหัวใจ มักต้องทานยาเพื่อประคองอาการไปตลอดชีวิต ซึ่งเจ้าของควรต้องหาวิธีการรับมือกับสัตว์เลี้ยงให้ได้ เพื่อที่จะสามารถป้อนให้สัตว์เลี้ยงได้ และให้ผลการรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
3) ไม่มีเวลา
ในกรณีนี้ เจ้าของอาจต้องหาทางออกด้วยการจัดตารางการป้อนยาโรคหัวใจให้สัตว์เลี้ยง โดยต้องสอดคล้องกับช่วงเวลาการให้ยาที่สัตวแพทย์สั่ง ในช่วงที่เจ้าของไม่ว่างป้อนยาให้สัตว์เลี้ยงเอง อาจร้องขอให้ญาติหรือคนรู้จักช่วยป้อนยาให้แทน
4) ลืมป้อนยา
หากลืมป้อนยาโรคหัวใจบ่อยครั้ง เจ้าของอาจแก้ไขได้โดยการตั้งนาฬิกาเตือนเวลาป้อนยา หรือวางถุงยาในที่ ๆ สังเกตเห็นได้ง่าย
5) ระยะห่างในการป้อนยาไม่สม่ำเสมอ หรือความถี่ไม่ได้ตามกำหนด
กรณีนี้มักเกิดจากการป้อนยาให้สัตว์เลี้ยงตามความเคยชินโดยไม่ได้อ่านฉลากยาให้รอบคอบก่อนป้อน เพราะเข้าใจว่าทานยาเท่าเดิม แต่ในบางครั้งสัตวแพทย์ต้องทำการปรับขนาดและความถี่ของยาโรคหัวใจให้สัมพันธ์กับอาการป่วยในปัจจุบันของสัตว์เลี้ยง เจ้าของจึงควรมีการตรวจสอบขนาดยา และความถี่ในการป้อนจากฉลากยาที่สั่งจ่ายโดยสัตวแพทย์เสมอ
6) ฝากผู้อื่นซึ่งไม่คุ้นเคยกับตัวสัตว์เลี้ยงให้เป็นผู้ป้อนยาโรคหัวใจแทน
ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับสัตว์เลี้ยงอาจไม่รู้วิธีการป้อนยาให้สัตว์เลี้ยง อีกทั้งสัตว์เลี้ยงอาจไม่ให้ความร่วมมือในการทานยา จึงอาจทำให้ได้รับยาไม่ครบตามที่กำหนด
1) สัตว์เลี้ยงขย้อนยาออกมา
สัตว์เลี้ยงบางตัวมีความสามารถในการ ขย้อนเม็ดยา หรือพ่นยาน้ำออกมาได้
2) สัตว์เลี้ยงอมยาโรคหัวใจไว้แล้วไปคายทีหลัง
บางครั้งสัตว์เลี้ยงอาจอมยาเอาไว้ก่อนแล้วไปคายทีหลังโดยเจ้าของไม่รู้ เจ้าของมักรู้ได้โดยบังเอิญหลังจากป้อนยาไปนานแล้ว เช่น ไปเจอยาตกอยู่ตามพื้นหรือพรม เป็นต้น
3) สัตว์เลี้ยงไม่ทานยาโรคหัวใจที่ให้พร้อมอาหาร
สัตว์เลี้ยงบางตัวจะสำรวจอาหารก่อนทาน หากได้กลิ่นยาในอาหาร ก็จะปฏิเสธไม่ทานอาหารนั้นเลย หรือเลือกทานแต่อาหารแล้วเหลือส่วนที่มียาเอาไว้
ปัจจัยจากตัวสัตว์นี้ จะต้องอาศัยความรู้ใจและความเอาใจใส่ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงในการป้อนเพื่อให้สัตว์เลี้ยงได้รับยาโรคหัวใจได้นานที่สุด
1) ยาโรคหัวใจมีขนาดใหญ่
เม็ดยาโรคหัวใจที่มีขนาดใหญ่มักเป็นอุปสรรคในการป้อนยาให้สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในสัตว์เลี้ยงที่มีขนาดตัวเล็ก เช่น สุนัขพันธุ์เล็กและแมว เจ้าของอาจแก้ปัญหาโดยการแบ่งเม็ดออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วทยอยป้อนจนครบ
2) ยาเมื่อถูกตัดแบ่งแล้วมีรสขม
เช่น ยาต้านการทำงานของเกล็ดเลือด clopidogrel ที่ปกติแล้วจะมีเปลือกเคลือบเม็ดยาอยู่ แต่ในแมวส่วนใหญ่ แมวแต่ละตัวมักทานยาเพียง 1/4 เม็ด ซึ่งต้องมีการแบ่งเม็ดยา ทำให้มีส่วนหน้าตัดของเม็ดยาที่ไม่มีเปลือกหุ้มเผยออกมา โดยเมื่อยาสัมผัสกับลิ้นของแมวแล้ว มักจะพบว่าแมวจะมีอาการน้ำลายยืดหรือเป็นฟอง แล้วมักตามมาด้วยการขย้อนยาออกมา เจ้าของอาจแก้โดยการนำชิ้นส่วนยาบรรจุในแคปซูลเปล่าก่อนป้อนให้สัตว์เลี้ยง
3) ยาน้ำ
อาจทำให้สัตว์เลี้ยงได้รับปริมาณยาไม่เต็มขนาด เนื่องจากเวลาป้อนยาอาจมียาบางส่วนไหลออกข้างปาก เจ้าของสามารถแก้ไขโดยเรียนรู้เทคนิคการป้อนยา และขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์
4) อาหารลดประสิทธิภาพการดูดซึมยา
ยาบางชนิดจะออกฤทธิ์ได้ดีในขณะท้องว่าง มากกว่าในขณะที่มีอาหารอยู่ในทางเดินอาหาร เช่น ยาเพิ่มการบีบตัวของหัวใจ pimobendan เป็นต้น ดังนั้นหากสัตว์เลี้ยงมีอาหารอยู่ในทางเดินอาหาร อาจทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร
5) จำนวนยาที่สัตว์เลี้ยงต้องทานในแต่ละครั้งมีปริมาณมาก
อาจทำให้เกิดความเครียดต่อทั้งผู้ป้อนและสัตว์เลี้ยง และเกิดการปฏิเสธยาในที่สุด โดยเฉพาะในแมวซึ่งมักทานยายาก หากมียาหลายชนิดในการป้อนแต่ละครั้ง ผู้ป้อนอาจนำยาทั้งหมดใส่รวมไว้ในแคปซูลเปล่าแล้วค่อยป้อน เพื่อลดจำนวนครั้งในการป้อนยาให้สัตว์เลี้ยง และช่วยลดความเครียดจากการป้อนยาซึ่งต้องเจออยู่ทุกวันได้
6) การแบ่งยาหรือหั่นเม็ดยาไม่เท่ากัน
ยาบางชนิดมีขนาดเล็ก ทำให้แบ่งยายาก หรือเม็ดยามีความร่วน แตกเป็นผงง่าย แนะนำให้ผู้ป้อนใช้อุปกรณ์ที่ใช้ในการแบ่งยาโดยเฉพาะ หรือใช้มีดคัตเตอร์ที่คมมาก ๆ ก็จะช่วยให้สามารถแบ่งเม็ดยาได้ง่ายขึ้น
1) สัตว์ป่วยโรคหัวใจระยะที่ยังไม่แสดงอาการ โดยอาจมีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจเกิดขึ้นแล้ว แต่สัตว์เลี้ยงยังไม่แสดงอาการ หรือมีอาการแล้วแต่อาการน้อยมากจนเจ้าของไม่สังเกตเห็น มักพบว่าสัตว์เลี้ยงป่วยโรคหัวใจตอนที่พามาตรวจสุขภาพประจำปี เช่น เอ็กซ์เรย์พบว่าหัวใจโตกว่าปกติ หรือตรวจพบจากการฟังเสียงโดยใช้หูฟัง ของสัตวแพทย์ เป็นต้น
2) สัตว์ป่วยโรคหัวใจระยะที่แสดงอาการแล้ว เช่น สัตว์เลี้ยงมีอาการไอขาก หายใจแรงและถี่ เหนื่อยง่าย หอบ หมดสติ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะถูกสังเกตเห็นโดยเจ้าของ และเป็นสาเหตุที่เจ้าของพาสัตว์เลี้ยงมาตรวจที่โรงพยาบาลสัตว์ ซึ่งในระยะนี้การทำงานของหัวใจในการสูบฉีดเลือดมักลดลงกว่าปกติ ไม่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยตัวเอง และจำเป็นต้องได้รับยาโรคหัวใจไปทาน เพื่อควบคุมให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น และเพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและยืดระยะเวลาการเกิด ภาวะหัวใจล้มเหลวให้นานออกไป ดังนั้นการให้สัตว์เลี้ยงได้รับยาโรคหัวใจอย่างสม่ำเสมอในระยะนี้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก หากขาดยา อาจส่งผลให้มีภาวะหัวใจล้มเหลวได้
ตัวอย่างยาโรคหัวใจที่สัตว์เลี้ยงมักได้รับ เช่น
- ยาขับน้ำ เป็นยาที่ช่วยลดปริมาณเลือดที่เข้าสู่หัวใจ เพื่อลดการคั่งของเลือดในห้องหัวใจ ตลอดจนการคั่งของน้ำในปอด หรือที่เรียกว่า อาการน้ำท่วมปอด ถือเป็นยาที่สำคัญมากในการรักษาโรคหัวใจ และจำเป็นต้องมีการใช้ยาตามปริมาณและความถี่ที่เหมาะสมกับอาการในช่วงนั้นๆ สัตวแพทย์จะปรับขนาดยาและความถี่ในการทานยาให้สัตว์เลี้ยงเป็นระยะโดยอ้างอิงตามอาการที่ปรากฏ หากขาดยาไปถึงแม้จะไม่กี่มื้อก็สามารถทำให้สัตว์เลี้ยงมีอาการน้ำท่วมปอดได้
- ยาเพิ่มการบีบตัวของหัวใจและขยายหลอดเลือด pimobendan เป็นยาที่ออกฤทธิ์ 12 ชั่วโมง ดังนั้นเจ้าของจึงจำเป็นต้องป้อนยาให้สัตว์เลี้ยงวันละ 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 12 ชั่วโมง เพื่อให้ยาสามารถคุมอาการของโรคหัวใจได้ตลอดวัน หากขาดยา หัวใจจะบีบตัวและสูบฉีดเลือดได้ไม่ดี ส่งผลให้เกิดอาการ อ่อนเพลีย ซึม เหนื่อยง่าย ไอแห้ง ท้องมาน หายใจหอบ นอนไม่ได้ เป็นลมหมดสติ อาการทรุดลง และหัวใจวายในที่สุด
นอกจากเจ้าของต้องป้อนยาให้สัตว์ป่วยโรคหัวใจอย่างสม่ำเสมอแล้ว การป้อนยาโรคหัวใจให้ถูกตามขนาดและความถี่ ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะยาแต่ละชนิดมีทั้งผลดีและผลเสีย ยกตัวอย่างเช่น
การป้อนยาขับน้ำผิด โดยป้อนยามากเกินจากที่สัตวแพทย์กำหนด จะทำให้สัตว์เลี้ยงมีอาการกระหายน้ำและปัสสาวะมากผิดปกติ จนทำให้ร่างกายขาดน้ำ อ่อนแรง และช็อกได้ หากเจ้าของป้อนยาผิดเป็นเวลานาน ก็สามารถส่งผลให้ไตทำงานหนักและเกิดไตวายได้
ดังนั้นทุกครั้งที่เจ้าของป้อนยาโรคหัวใจให้แก่สัตว์ป่วย เจ้าของควรต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ปรับเพิ่มหรือลดปริมาณยาเอง และไม่ขาดยา เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ควบคุมอาการโรคหัวใจของสัตว์เลี้ยงได้อย่างราบรื่น และชะลออาการหัวใจวายได้นานขึ้น
สามารถดาวน์โหลด Heart2Heart App ได้แล้วทั้งทาง Google Play และ Apple Store และดูขั้นตอนการใช้งานได้ที่ https://yourpetheart.com/ความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจ/สุนัขของเราเป็นโรคหัวใจไหมนะ-มาดูวิธีเช็กด้วยตัวเองง่าย-ๆ-พร้อมตัวช่วยที่จะทำให้เจ้าของสังเกตได้สะดวกขึ้น “โรคหัวใจสุนัข รู้ทันได้ แค่หมั่นสังเกตอาการให้ชัวร์”
ตรวจความเสี่ยงของภาวะโรคหัวใจที่ https://bit.ly/YPH_Quiz
ค้นหาโรงพยาบาลสัตว์หรือศูนย์โรคหัวใจใกล้บ้านที่ https://bit.ly/YPH_Clinicsearch