วันนี้เราได้รับการติดต่อจากคุณหมออายุรกรรมเรื่องนัดหมายให้พบกับคุณแม่ของน้องน้ำตาล สุนัขเพศเมียทำหมันแล้ว พันธุ์พุดเดิ้ล อายุ 13 ปี ซึ่งน้องน้ำตาลได้เข้าตรวจกับคุณหมออายุกรรมด้วยอาการหอบ เหนื่อยง่ายขึ้น มีอาการไอแห้ง โดยเฉพาะเวลากลางคืน และเริ่มมีอาการเป็นลมเวลาตื่นเต้นดีใจ คุณหมอทำการตรวจร่างกายพบว่าน้องน้ำตาลน่าจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ ซึ่งเมื่อคุณแม่ของน้องน้ำตาลทราบว่าน้องเริ่มมีความผิดปกติของหัวใจ สร้างความกังวลใจและความไม่สบายใจให้กับคุณแม่เป็นอันมาก ร่วมกับน้องน้ำตาลเป็นสุนัขตัวแรกที่เลี้ยงทำให้คุณแม่ไม่มีประสบการณ์ในการเข้ารับการรักษาและการดูแลสุนัขโรคหัวใจมาก่อน คุณหมออายุรกรรมจึงทำการนัดหมายให้คุณแม่เข้าพบพูดคุยกับคุณหมอหัวใจ เพื่อคลายความกังวล มองเห็นภาพรวมของการรักษาและการดูแลสัตว์ป่วยโรคหัวใจ ตลอดจนการวางแผนการดูแลรักษาร่วมกันกับคุณหมอ
เมื่อเราได้ฟังคำถามต่างๆ จากคุณแม่ เราจึงค่อยๆ อธิบายขั้นตอนการวินิจฉัย การรักษาและดูแลสัตว์ป่วยโรคหัวใจให้คุณแม่ฟังอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้คุณแม่ได้เห็นภาพของการรักษาร่วมกันโดยละเอียด และขั้นตอนต่างๆ มีดังนี้
แนะนำให้คุณแม่พาน้องน้ำตาลเดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลสัตว์ก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย เพื่อให้น้องได้ทำความคุ้นเคยกับสถานที่ คลายความกังวล และมีเวลาให้คุณแม่กรอกประวัติหรือรายละเอียดของน้องน้ำตาลเพิ่มเติม โดยคุณแม่ควรสังเกตอาการของน้ำตาลว่าน้องมีความเครียดหรือความกลัวในการรอในโรงพยาบาลหรือไม่ เพราะบางครั้งน้องต้องนั่งรอในห้องรับรองที่มีสุนัขตัวอื่นเห่าหรือแมวร้องขู่ อาจสร้างความกลัวให้น้อง หากเป็นเช่นนั้นให้คุณแม่แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อไปรอในสถานที่สงบหรือห้องที่จัดไว้ต่างหากเพื่อลดความกลัว ความเครียดก่อนเข้าพบหมอ จากนั้นน้องจะได้รับการเรียกเข้าห้องตรวจ หมอจะทำการซักประวัติเกี่ยวกับน้องน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นประวัติวัคซีน การป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ โรคอื่นๆ ที่เป็นอยู่ กิจกรรมต่างๆ ที่ทำ พฤติกรรมผิดปกติที่เปลี่ยนไป การทานอาหาร การขับถ่าย อาการหอบเหนื่อย ไอหายใจลำบาก หรือเป็นลม เป็นต้น เมื่อน้องน้ำตาลคุ้นเคยกับห้องตรวจและไม่มีความกลัว ความกังวลใดๆ แล้ว หมอจะเริ่มทำการชั่งน้ำหนัก วัดความดันร่างกาย และทำการตรวจร่างกาย ฟังเสียงหัวใจที่ผิดปกติ เมื่อหมอมีความเห็นว่าน้องน้ำตาลน่าจะมีความผิดปกติของหัวใจจริงๆ คุณหมอจะทำการวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น
• การตรวจเลือดและปัสสาวะ เพื่อประเมินความผิดปกติของระบบอื่นๆ ในร่างกาย และประกอบการให้ยาและปรับยา
• การตรวจรังสีวินิจฉัยช่องอกและช่องท้อง (เอกซเรย์) เพื่อวัดขนาดของหัวใจ วินิจฉัยความผิดปกติของปอด ภาวะท้องมาน และประเมินความรุนแรงของโรค
• การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram, ECG) เพื่อประเมินการทำงานการส่งสัญญาณของกระแสไฟฟ้าในหัวใจ
• การตรวจหัวใจด้วยคลื่นสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography) เพื่อวัดขนาดโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ
• ในบางครั้งถ้าการวินิจฉัยพื้นฐานยังไม่สามารถบ่งชี้เฉพาะความผิดปกติได้ อาจต้องทำการวินิจฉัยโดยละเอียดเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) หรือ การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เป็นต้น
เมื่อหมอทำการตรวจวินิจฉัยแล้วสามารถระบุได้ว่าน้องน้ำตาลเป็นโรคหัวใจชนิดใด จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาโดยการรับยาแล้วหรือไม่ จากนั้นหมอจะทำการจ่ายยา อธิบายวิธีการบริหารยา การปรับยาในกรณีที่มีอาการฉุกเฉินอยู่ที่บ้าน และไม่สามารถมาโรงพยาบาลได้ทันที การปรับเรื่องอาหาร กิจกรรมต่างๆ และการดูแลของครอบครัว ส่วนการเฝ้าติดตามอาการระหว่างการรักษาของคุณหมอในการมาตรวจแต่ละครั้งเช่น การตรวจเลือด วัดความดัน เอกซเรย์ช่องอก หรือการตรวจด้วยคลื่นสะท้อนความถี่สูงเมื่อมีอาการผิดปกติเพิ่มเติมเป็นต้น
แม้โรคหัวใจซึ่งเกิดจากความเสื่อมของร่างกายและไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เช่นน้องน้ำตาล แต่เราสามารถวินิจฉัยเพื่อหาความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะต้น และให้การรักษาประคับประคอง หรือในขณะเดียวกันโรคหัวใจบางอย่างที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิดตั้งแต่อายุน้อย เราสามารถทำการวินิจฉัยและให้การรักษาให้อาการดีขึ้นได้ เพื่อให้สัตว์โรคหัวใจทุกตัวมีโอกาสอยู่กับครอบครัวอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขได้นานที่สุดนั่นเองค่ะ
สามารถดาวน์โหลด Heart2Heart App ได้แล้วทั้งทาง Google Play และ Apple Store และดูขั้นตอนการใช้งานได้ที่ สุนัขของเราเป็นโรคหัวใจไหมนะ? มาดูวิธีเช็กด้วยตัวเองง่าย ๆ พร้อมตัวช่วยที่จะทำให้เจ้าของสังเกตได้สะดวกขึ้น
ตรวจความเสี่ยงของภาวะโรคหัวใจที่ https://bit.ly/YPH_Quiz
ค้นหาโรงพยาบาลสัตว์หรือศูนย์โรคหัวใจใกล้บ้านที่ https://bit.ly/YPH_Clinicsearch