วันนี้จะมาเล่าขั้นตอนการปฏิบัติตัว เมื่อพบว่าสุนัขที่เราเลี้ยงมีอาการแสดงที่บ่งบอกว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
โรคหัวใจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็จริง แต่หากเจ้าของสังเกตพบอาการผิดปกติเร็วเท่าไหร่ ก็จะสามารถเริ่มรักษาได้เร็วขึ้นเท่านั้น ซึ่งเท่ากับจะเป็นการช่วยยืดอายุสุนัขให้สามารถอยู่กับเราได้นานขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
นอกจากความเชี่ยวชาญของสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงในการเลือกโรงพยาบาลหรือศูนย์รักษาโรคหัวใจคือ ความสะดวกในการเดินทางไปสถานที่ดังกล่าว เนื่องจากโรคหัวใจเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีเพียงแต่การรักษาที่ประคองอาการ และช่วยยืดอายุ จึงอาจกล่าวได้ว่า ต้องรักษากันไปตลอดชีวิตของสุนัข โรงพยาบาลหรือศูนย์รักษาโรคหัวใจที่เจ้าของเดินทางสะดวกจะช่วยให้การติดตามการรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
• การตรวจร่างกายโดยทั่วไป
• การตรวจหัวใจโดยใช้หูฟัง เพื่อฟังเสียงการเต้นของหัวใจและจับชีพจร
• การเอกซ์เรย์ช่องอก เพื่อตรวจความผิดปกติของหัวใจและปอด
• การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจ
• การตรวจเลือด เพื่อดูการทำงานของอวัยวะสำคัญ เช่น ตับ ไต ก่อนที่จะทำการรักษา รวมถึงการตรวจโรคพยาธิหนอนหัวใจ
• การอัลตร้าซาวน์หัวใจ เพื่อดูโครงสร้างของหัวใจ และการทำงานของหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ การบีบตัวของหัวใจ เป็นต้น
เพียงเท่านี้ คุณก็จะสามารถทราบผลการตรวจโรคหัวใจของสุนัขได้โดยแม่นยำและถูกต้อง
สามารถดาวน์โหลด Heart2Heart App ได้แล้วทั้งทาง Google Play และ Apple Store และดูขั้นตอนการใช้งานได้ที่ https://yourpetheart.com/ความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจ/สุนัขของเราเป็นโรคหัวใจไหมนะ-มาดูวิธีเช็กด้วยตัวเองง่าย-ๆ-พร้อมตัวช่วยที่จะทำให้เจ้าของสังเกตได้สะดวกขึ้น “โรคหัวใจสุนัข รู้ทันได้ แค่หมั่นสังเกตอาการให้ชัวร์”
ตรวจความเสี่ยงของภาวะโรคหัวใจที่ https://bit.ly/YPH_Quiz
ค้นหาโรงพยาบาลสัตว์หรือศูนย์โรคหัวใจใกล้บ้านที่ https://bit.ly/YPH_Clinicsearch