ใกล้หน้าฝนเข้ามาทุกที วันนี้จะพาไปรู้จักกับโรคพยาธิหนอนหัวใจ ซึ่งเป็นโรคที่สำคัญโรคหนึ่งในสุนัข ที่มียุงเป็นพาหะนำโรค!!
โรคพยาธิหนอนหัวใจเป็นโรคที่พบได้ในสุนัขทุกพันธุ์และทุกช่วงอายุ โดยโรคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อสุนัขถูกยุงที่มีตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจกัด ตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจก็จะเข้าสู่ร่างกายสุนัข และเจริญเป็นตัวเต็มวัยโดยอาศัยอยู่ในหัวใจห้องล่างขวาและหลอดเลือดที่ออกจากหัวใจไปสู่ปอด จากนั้นพยาธิตัวเต็มวัยก็จะสืบพันธุ์ ออกลูกหลาน และปล่อยตัวอ่อนของพยาธิออกมาในกระแสเลือดของสุนัข จากนั้นเมื่อยุงมากัดสุนัขที่มีตัวอ่อนของพยาธิ ตัวอ่อนของพยาธิก็จะเข้าสู่ตัวยุง โดยจะฟักตัวอยู่ในยุงประมาณ 2-3 สัปดาห์ จากนั้นเมื่อยุงที่มีตัวอ่อนพยาธิหนอนหัวใจไปกัดสุนัขอีกตัวหนึ่ง ก็จะทำให้ตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจก็เข้าสู่ร่างกายสุนัขตัวนั้น กระบวนการดังกล่าวนี้ทำให้โรคพยาธิหนอนหัวใจสามารถถ่ายทอดไปสู่สุนัขตัวอื่นต่อไป
ในระยะเริ่มต้น สุนัขมักจะไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการเพียงเล็กน้อย ได้แก่ ซึม เบื่ออาหาร หอบ เหนื่อยง่าย ไอแห้ง ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิหนอนหัวใจตัวเต็มวัยที่อยู่ในตัวสุนัข หากมีจำนวนพยาธิหนอนหัวใจตัวเต็มวัยมากในหัวใจ จะทำให้เกิดการอุดตันและส่งผลให้หัวใจและระบบหมุนเวียนเลือดทำงานผิดปกติ จนในที่สุดเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ โดยสุนัขจะมีภาวะท้องมาน ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่าท้องกางมากกว่าปกติ นอกจากนี้ อาจพบหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย และอาจเสียชีวิตในที่สุด
ในกรณีที่สุนัขมีอาการดังที่ได้กล่าวไปแล้วหรือสงสัยว่ามีการติดพยาธิหนอนหัวใจ สามารถพาเข้ารับการตรวจวินิจฉัยได้ที่โรงพยาบาลสัตว์ หรือศูนย์โรคหัวใจใกล้บ้าน โดยสัตวแพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยใช้หลายวิธีร่วมกันดังนี้
• เก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจหาแอนติเจนของพยาธิหนอนหัวใจในเลือดสุนัข
• ตรวจหาตัวอ่อนพยาธิหนอนหัวใจในกระแสเลือด
• ถ่ายภาพรังสี เพื่อดูรอยโรคและความรุนแรงของภาวะปอดอักเสบ ดูการเปลี่ยนแปลงของขนาดและรูปร่างหัวใจ
• การตรวจด้วยวิธีคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง ซึ่งอาจพบพยาธิในหัวใจในกรณีที่มีการเคลื่อนของพยาธิเข้าสู่หัวใจแล้ว
การรักษาโรคพยาธิหนอนหัวใจมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ซึ่งจะต้องทำการประเมินและดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสัตวแพทย์
ในปัจจุบันมียาฉีดสำหรับรักษาพยาธิหนอนหัวใจ แต่ในการรักษาก็มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงควรทำการป้องกันพยาธิหนอนหัวใจในสุนัขทุกตัวจะดีกว่า โดยสามารถเริ่มโปรแกรมป้องกันได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือนขึ้นไป ในกรณีที่เจ้าของจะเริ่มโปรแกรมป้องกันพยาธิหนอนหัวใจในสุนัขที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน หรือในสุนัขที่โตเต็มวัยแล้ว สุนัขควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยสัตวแพทย์ เพื่อยืนยันว่าสุนัขไม่ได้มีการติดพยาธิหนอนหัวใจไปก่อนหน้าแล้ว จึงค่อยเริ่มโปรแกรมป้องกัน ซึ่งการป้องกันพยาธิหนอนหัวใจสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้
1. ป้องกันไม่ให้สุนัขโดนยุงกัด
เนื่องจากยุงเป็นพาหะของโรคพยาธิหนอนหัวใจ การป้องกันไม่ให้สุนัขโดนยุงกัดจึงสามารถช่วยป้องกันโรคนี้ได้ ซึ่งเจ้าของสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ยาหยดหลังที่สามารถกันยุงได้ การจุดยากันยุง การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบ้าน หรือการติดมุ้งลวดให้ที่กรงสุนัข
2. ป้องกันโดยการใช้ยาที่มีผลในการกำจัดตัวอ่อนของพยาธิหนอนหัวใจ
ปัจจุบันยาที่นิยมใช้เพื่อกำจัดตัวอ่อนพยาธิหนอนหัวใจเป็นยาในกลุ่ม macrocyclic lactone ซึ่งมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้ของเจ้าของ ทั้งแบบหยดหลัง แบบกิน หรือแบบฉีด โดยทั่วไปแล้วยาแบบหยดหลังและกิน จะแนะนำให้ใช้เป็นประจำ ทุกเดือนหรือแบบฉีดที่สามารถป้องกันพยาธิหนอนหัวใจได้ยาวนานถึง 12 เดือน โดยยาบางชนิดอาจสามารถป้องกันและกำจัดปรสิตภายในและภายนอกได้ด้วย ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์ จะครอบคลุมและสามารถป้องกันและกำจัดปรสิตอื่นได้แตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนการเลือกใช้ยาทุกครั้งจึงควรศึกษารายละเอียดของแต่ละผลิตภัณฑ์หรืออาจสอบถามจากสัตวแพทย์ เพื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมและถูกต้องสำหรับสัตว์เลี้ยงของเรา
สามารถดาวน์โหลด Heart2Heart App ได้แล้วทั้งทาง Google Play และ Apple Store และดูขั้นตอนการใช้งานได้ที่ https://yourpetheart.com/ความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจ/สุนัขของเราเป็นโรคหัวใจไหมนะ-มาดูวิธีเช็กด้วยตัวเองง่าย-ๆ-พร้อมตัวช่วยที่จะทำให้เจ้าของสังเกตได้สะดวกขึ้น “โรคหัวใจสุนัข รู้ทันได้ แค่หมั่นสังเกตอาการให้ชัวร์”
ตรวจความเสี่ยงของภาวะโรคหัวใจที่ https://bit.ly/YPH_Quiz
ค้นหาโรงพยาบาลสัตว์หรือศูนย์โรคหัวใจใกล้บ้านที่ https://bit.ly/YPH_Clinicsearch